บล็อกเชน (Block Chain) ไม่ใช่แค่ใช้กับสกุลเงินดิจิทัล นำมาใช้งานปลอดภัยสุดๆในภาคธุรกิจ

บล็อกเชน แปลแบบตรงๆ บล็อก (Block) ข้อมูลแบบนึงที่เก็บเป็นส่วนๆ + เชน(Chain) คือการร้อยข้อมูลเหมือนโซ่ ข้อมูลที่ถูกเขียนลงไปกระจายเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายจึงมีความน่าเชือถือเพราะทุกคนในเครือข่ายจะเห็นการเปลี่ยนแปลงพร้อมๆ กัน การแก้ไขก็มีทางเดียวคือต้องไปแก้ในเครื่องของทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายนั้นๆ การเก็บข้อมูลจำนวนเงินดิจิทัลของทุกๆคน การโอนทุกครั้ง ในบล็อกแต่ละบล็อกต่อกันไปเรื่อยๆทำให้เงินดิจิทัลนั้นมีความโปร่งใส ปลอดภัยจากการแก้ไขโดยคนใดคนหนึ่ง การกระจายไปให้ทุกคน จะลดความเสี่ยงว่าระบบจะล่มพร้อมกันทั้งหมด ให้ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้หายไป จึงเป็นเงินดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถส่งเงินดิจิทัลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้กับใครก็ได้ในเครือข่ายในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่มีความจำเป็นต้องมีคนกลางอีกต่อไป

ไม่ใช่แค่วงการเงินดิจิทัลที่ใช้บล็อกเชนในหลายธุรกิจ งานบริการ งานทะเบียน และอุตสาหกรรม ได้นำบล็อกเชนถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ เช่น

หน่วยงานรัฐเริ่มนำแนวคิด Block Chain นำมาใช้ประโยชน์ เก็บข้อมูลเกี่ยวกับพลเมือง ตรวจสอบสิทธิ มาตรฐานความปลอดภัย ข้อมูลบุคคล

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในหลายๆ ประเทศ มีการนำบล็อกเชนมาเก็บข้อมูลแทนโฉนด (Land Registry) หรือการนำบล็อกเชนมาช่วยในการแบ่งการเป็นเจ้าของ (Asset Tokenization)

ธุรกิจโรงพยาบาล โครงการ Medrec ของทาง MIT หรือ SimplyVital นำบล็อกเชนมาเก็บข้อมูลการรักษาของคนไข้ เพิ่มความโปร่งใส และความปลอดภัย ซึ่งในเมืองไทยก็จะมีโครงการ Block M.D. ของบริษัท Smart Contract Thailand ที่ทำเรื่องนี้ หรือ FarmaTrust การนำบล็อกเชนมาช่วยตรวจสอบที่มาของยาแต่ละชนิด ป้องกันการปลอมแปลง

ธุรกิจค้าปลีก – Wallmart ได้มีโครงการนำข้อมูลอาหารที่ขายมาเก็บเพื่อดูสายการผลิตจากโรงงานมาถึงชั้นวางของ หรือ Singapore Airline ก็ได้นำบล็อกเชนมาใช้บน loyalty point KrisFlyer เพิ่มความน่าเชื่อถือ และสามารถแลกเปลี่ยนกันได้

ธุรกิจพลังงาน – Power Ledger ธุรกิจ Startup จากออสเตรเลีย ก็ได้ขยายมาที่เมืองไทยเพื่อพัฒนาการซื้อขายพลังงานแบบ Peer to peer โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน หรือ WePower บริษัทจาก Estonia ก็ทำเรื่องคล้ายๆ กัน

ธุรกิจการศึกษา – MIT Media Lab และประเทศมอลต้า ได้มีการออกปริญญาบัตร Certificate และก็ Transcript บนเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่นกัน

ธุรกิจการเงิน โครงการอินทนนท์ ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะใช้บล็อกเชนมาแทนเครือข่ายบาทเน็ตที่ใช้ระหว่างธนาคาร
อีกโครงการทางการเงิน ของทางเจมาร์ท (JMART) โครงการ JFIN นำบล็อกเชนมาจัดการเรื่อง ข้อมูลลูกค้าและ Credit Score เป็นโอกาสใหม่ของคนไทยส่วนใหญ่ในการรับบริการทางการเงินการกู้เงินในโครงการ JFIN

บล็อกเชนได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และจะค่อยๆ เข้ามาในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเราไม่ได้เข้าไปแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัล อย่าง BitCoins หรือ Bitkub ก็ตาม

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.masterad.com/
https://www.efinancethai.com/

ติดตามพวกเราเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : 54ThaiTrendy
Youtube : https://www.youtube.com/54thaitrendy